แมวดำข้ามศพเปิดกันน้ำบาน

แมวดำข้ามศพเปิดกันน้ำบาน

1026
0
แบ่งปัน

***** แมวดำข้ามศพเปิดกันน้ำบาน *******

ข้าเล่าเรื่องแมวดำให้ฟังดีกว่า เอาไม๊ ใครเข้ามาอ่านแล้วไม่ติดตามจนจบ โดดไปโดดมา ขอให้ขี้รั่วอย่างที่ข้าเป็น และห้ามถูกหวยด้วยตลอดปี

สมัยก่อนโน้น ราวๆ ปี 32 นี่ 58 แล้ว ก็ 26 ปี ข้านี่ กำลังเท่ห์ระเบิด ขับซุปเปอร์ไบค์ไปทางภาคอีสานกันกลุ่มใหญ่ ไปทางอุบล

เข้าโขงเจียม ไปนู่น ไปเที่ยวผาแต้มกัน เลยผาแต้มไปหน่อย ก็เป็นน้ำตก อะไรสวรรค์ก็ไม่รู้ ลืมไปแล้ว สองข้างทางนี่ ต้นยางสูงๆ ใหญ่ๆ ร่มรื่นมาก

>> เขาเรียกว่า น้ำตก สร้อยสวรรค์ครับอาจารย์

เออ..ๆๆ ข้าชอบ เราไปกันประมาณ 60 กว่าคัน ข้าในฐานะนักแข่งสนาม ก็ต้องซัดกันหูดับตับไหม้

ปรากฏว่า เพื่อนไปแหกโค้ง ทางตรงไปเสียมราช เขาเรียกงั้นเปล่าไม่รู้ จำไม่ค่อยได้

ปรากฏว่า เพื่อนได้ตายคาที่ แฟนมันก็ตาย ข้าน่ะไม่หรอก ซัดนำหน้าอยู่ไกล ไปรอทำเท่ห์ตั้งครึ่งวัน เห็นไม่มีใครตามมา จึงวกกลับไปดู

ปรากฏว่า เพื่อนข้า มันขับแหกโค้ง ที่จริงโค้งก็กว้างนะ แต่รถ ระดับ 1100 ซี.ซี มันก็แรงและคงเอาไม่อยู่

วันนั้น เราเอาศพไปไว้ที่สถานี อนามัย ประจำหมู่บ้าน บางส่วนก็กลับกรุงเทพไป ข้ากับเพื่อน สี่ห้าคน นอนเฝ้าศพ

ที่นั้น หมู่บ้านอะไรไม่รู้ มันไม่มีโรงแรม อนามัยพอค่ำแล้ว ก็ไม่มีคน มันเป็นแค่อาคารโล่งๆ

ชาวบ้านแถวนั้น ยังเอาใบไม้มุงหลังคาเลย ฝาผนังก็ขัดแตะด้วยไม้ไผ่ เพื่อนเราที่ตาย ก็นอนกระดูกออกนอกเนื้อ แข็งทื่อ สองคนหนุ่มสาว ตายคาที่

รถซูซูกิ 1100 เละ ตอนแรกๆ ก็ไม่กลัวหรอก แต่พอมืดเข้าแค่นั้นแหละ นั่งเบียดๆ ชิดกัน มองหน้ามึงหน้ากูกันเลย ศพเพื่อนก็นอนปิดผ้าห่มขาดๆ

มองไปยังศพเมื่อไหร่ ต้องแบะปากมองหน้ากัน จึงตกลงว่า หากศพนอนเช่นนี้ และเอาผ้าห่มคลุม ข้าว่า มันดูน่ากลัว มันสร้างจินตนาการได้ ยังไงก็เอาผ้าห่มออกเหอะ

คราวนี้ปัญหาก็คือ ใครจะเป็นคนเอาผ้าออกจากร่างศพ ต่างคนต่างก็ส่ายหน้า ไอ้ที่อวดเก่งรักเพื่อนตอนตายใหม่ๆ น่ะ หายไปพร้อมกับความมืดที่มาเยือนหมดแล้ว

บรรยากาศก็แสนเป็นใจ หมาก็หอน สามทุ่มนี่ ดึกมาก ไฟก็ไม่มี นี่.. อนามัยรึที่เก็บศพชาวบ้านก็ไม่รู้ ไม่เห็นมีป้ายอะไร ศพสองศพ นอนเคียงคู่อยู่บนแคร่

จู่ๆ หมาก็หอนใกล้ๆ ทำเอาขนลุกซู่ นี่แหละ หมาเดือน 12 มันติดสัตว์ อากาศก็หนาว ทางอีสานนี่หนาว

เพื่อนคนหนึ่งทนไม่ได้ ยังไงก็ขอเอาผ้าห่มออก ไม่งั้น หากมองเห็นเป็นศพคุมปิดยันหัว มันดูน่ากลัว เกิดพี่แกลุกขึ้นมาทักทายละก็ เป็นได้แหกปากวิ่งกันน้ำบาน

ที่เราต้องเฝ้าศพก็เพราะว่า… หารถเข้าเมืองอุบลไม่ได้ เขาไม่รับศพ และแถวนั้น มันมีสัตว์ป่า หากไม่เฝ้าศพ ศพอาจหายได้ มันคงไม่ลุกเดินหรอก

ถ้าศพเดินได้ ข้า 100 เมตรก่อนใคร แต่มันมีเสือ เสืออาจมาลากศพไปกินได้ เราเลยต้องเฝ้า นี่ชาวบ้านเขาบอกนะ

พวกเราพร้อมใจกันเดินเข้าไปหาศพ และค่อยๆ ลากผ้าห่มออก ศพเพิ่งตาย แต่อุปาทานเรามันแดกแล้ว มันเหม็นศพเน่า ศพยังไม่เหม็น แต่เราน่ะเหม็น

พอเอาผ้าออกมาจากศพ พวกเราก็ลงมติกันว่า เอาผ้าคลุมไว้อย่างเก่าดีกว่า เพราะศพมันลืมตา และปากก็อ้า แถมเลือด ออกทางตาและหู แต่ไม่มีใครกล้าไปปิดหน้าศพอีก

มีเสียงขลุกขลักๆ อยู่ที่ศพผู้หญิง ทุกคนขนหัวลุกตั้ง หายใจจมูกบาน มองหน้ากัน ศพผู้หญิงกระดุกกระดิก ผ้ามันขยับ และเริ่มสูงขึ้น

ข้าเองก็แทบ หมดลมหายใจ เพ่งไปยังศพที่กำลังจะลุกขึ้น เพื่อนคนหนึ่ง ทนไม่ไหว จึงเดินไปกระชากผ้าออกมา แบบเดินไปร้องให้ไป บ่นพึมพำว่า..

ทำไมมึงต้องหลอกกู พอกระชากผ้าคลุมศพออก ปรากฏว่า… เสี้ยงดัง แว๊ววว ทำเอาสะดุ้งเฮือก มันเป็นแมวดำ ไม่รู้มาจากไหน

มันมุดอยู่ใต้ผ้าฝ้ายห่มศพ มันคงหนาว รึศพไปแย่งที่นอนมันก็ไม่รู้ มันกระโจนพรวดเดียว ข้ามทั้งสองศพ หนีหายเข้าไปในป่า ชิบหายเลยทีนี้ แมวดำมันข้ามศพ

เขาว่า ศพที่โดนแมวดำข้าม มันจะลุกขึ้นมาเซย์ฮัลโลได้ แรงกระชากที่ตกใจแมว ทำเอาศพเอียงเกือบตกแคร่

แต่เวลานั้น ไม่มีใครคิดจะเข้าไปประคองศพให้เข้าที่ มองหน้ามึงมองหน้ากู แล้วถอยออกมา เพื่อนข้าเยี่ยวแตกรดกางเกง เหม็นชิบหาย

เราถอยออกมาที่รถ ยังไงก็ดีกว่า อยู่ใกล้ๆ ศพที่โดนแมวดำข้ามแน่ เราอยู่แถวรถจนเกือบเที่ยงคืน

ปรากฏว่า แมวมันเสือกทะเลาะกันอีก เสียงมันแหง๊วๆๆๆ โคตรน่ากลัว มันคงเป็นตัวผู้สองตัวมาเจอกัน

มันคงแย่งอีดำนั้นรึเปล่า และเสียงมันก็อยู่แถวศพเพื่อนเราซะด้วย จึงเกาะกลุ่มกันเดินเข้าไปไล่แมว

เจ้าแมวมันทะเลาะข่วนกันแหว๊กๆๆ บนแคร่นั้นแหละ แรงทะเลาะกัน ทำให้ศพที่เอียงกระเท่เล่อยู่แล้ว หล่นดังตุ๊บ แค่นั้นแหละ

ข้าห้อแนบออกมาก่อนเพื่อน ปากแหกร้องบอกเพื่อน กูไม่อยู่แล้วว้อย จับกุญแจรถได้ จิ้มผิดจิ้มถูก พอเครื่องติด ไม่ต้องวอร์มเครื่องอะไรแล้ว ปอดมันแหกแล้ว

ข้าบิดหนีไปโน้นเลย ใครจะมาไม่มาไม่รู้ โน่นแหละ เกือบร้อยกิโลโน่นแหละ จึงผ่อนคันเร่ง และจอดข้างทางตรงศาลาริมทาง

ซักพัก มอเตอร์ไซด์อีกสี่คัน ก็ห้อแนบตามมา และผ่านหน้าหายไปในความมืด นี่..เป็นเหตุการณ์เฝ้าศพเพื่อน

คืนนั้นเลยไม่ต้องนอน ขับตามเพื่อนไป โน่นเลย ไปกันถึงอุบลโน่นแหละมั้ง ไปเจอกันที่โน่น

นี่..พวกข้านี่ ปอดแหกติดอันดับต้นๆ ของโลกเหมือนกัน

ตอนเช้าจึงขับรถกลับไป ปรากฏว่า…

ชาวบ้านเขายกศพกลับไปคลุมผ้าเหมือนเก่าแล้ว และพวกเราก็โดนด่า ข้อหาไม่อยู่เฝ้าศพ แถมอีกวันก็หารถขนศพเข้าเมืองไม่ได้อีก เราต้องเฝ้ากันอีก

แต่ข้าส่ายหน้า จ้างชาวบ้านเฝ้าง่ายกว่า ไหนๆ เพื่อนก็ตายไปแล้ว เกิดข้าช็อกตายขึ้นมาอีกคน มันจะไม่ดี ศพอยู่ที่นั่นสามสี่วันจนเริ่มเหม็น บวมอืดขึ้นมา

เพราะไม่มีโลง และห้องเย็น กว่าติดต่อญาติเขาได้ และเอารถมาจากกรุงเทพ ข้าตีรถมานอนอุบลทุกคืนขอบอก นี่..เฝ้าศพเพราะรักเพื่อน

โอเคนะ เล่ากันหนุกๆ

วันที่ 25 กันยายน 2558